The Great Compromise: Balancing Representation and Power in Early America

blog 2024-11-11 0Browse 0
The Great Compromise: Balancing Representation and Power in Early America

ประวัติศาสตร์อเมริกาในยุคแรกเริ่มนั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้งและการต่อรองอย่างไม่หยุดยั้ง การก่อตั้งสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวัง แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย หนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดคือการสร้างระบบรัฐบาลที่ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพสำหรับ 13 รัฐซึ่งมีขนาดและประชากรต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เหตุการณ์ที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อเมริกาคือ “The Great Compromise” หรือ “ข้อตกลงครั้งใหญ่” ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการประชุมเพื่อร่างรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ในปี 1787 ข้อตกลงนี้เกิดจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างรัฐที่มีประชากรมากกับรัฐที่มีประชากรน้อย

แก่นของการโต้วาที

รัฐที่มีประชากรมาก เช่น เวอร์จิเนีย และแมสซาชูเซตส์ สนับสนุน “Virginia Plan” ซึ่งเสนอให้มีสภาเดียวโดยจำนวนสมาชิกของแต่ละรัฐขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร

ในทางตรงกันข้าม รัฐที่มีประชากรน้อย เช่น เดลาแวร์ และนิวเจอร์ซีย์ ต้องการให้มี “New Jersey Plan” ซึ่งเสนอให้มีสภาเดียวโดยให้แต่ละรัฐมีเสียงเท่ากัน พวกเขากลัวว่าหากใช้ Virginia Plan รัฐเล็กๆ จะถูกกลืนกินโดยรัฐใหญ่

การประนีประtapanและข้อตกลงสุดท้าย

โรเจอร์ เชอร์แมน (Roger Sherman) ผู้แทนจากรัฐคอนเน티คัต เป็นผู้ริเริ่มข้อเสนอที่นำไปสู่ “The Great Compromise” หรือที่เรียกว่า “Connecticut Compromise” เขาเสนอให้มีระบบสองสภา:

  • สภาสูง (Senate): แต่ละรัฐมีสิทธิ์ส่งตัวแทน 2 คน ไม่คำนึงถึงขนาดของประชากร
  • สภาล่าง (House of Representatives): จำนวนสมาชิกขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรของแต่ละรัฐ

ข้อตกลงนี้ทำให้ทั้งรัฐใหญ่และรัฐเล็กพอใจ และเป็นจุดเริ่มต้นของระบบการปกครองแบบสหพันธรัฐที่ใช้ในสหรัฐอเมริกาจนถึงปัจจุบัน

มาร์ชาลล์ และคำตัดสินอันเป็นประวัติศาสตร์

สำหรับตัวอย่างบุคคลสำคัญในยุคนั้น เราขอแนะนำจอห์น มาร์ชาล (John Marshall) ผู้พิพากษาศาลฎีกาสูงสุดคนที่สี่ของสหรัฐอเมริกา

มาร์ชาลล์ ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 1801 ถึง 1835 ได้มีส่วนสำคัญในการสร้างรากฐานของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมในสหรัฐอเมริกา เขาเป็นที่รู้จักสำหรับการตัดสินคดีที่สำคัญหลายคดี ซึ่งทำให้ศาลฎีกาสูงสุดมีอำนาจมากขึ้น และช่วยกำหนดความสมดุลระหว่างสาขาต่างๆ ของรัฐบาล

ตัวอย่างเช่น คดี Marbury v. Madison ในปี 1803 เป็นกรณีที่มาร์ชาลล์ใช้หลักการ “Judicial Review” หรืออำนาจในการตรวจสอบว่ากฎหมายที่ผ่านมาโดยรัฐสภาขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ การตัดสินคดีนี้ทำให้ศาลฎีกาสูงสุดกลายเป็นผู้พิพากษาสูงสุดของกฎหมายในสหรัฐอเมริกา

มาร์ชาลล์ยังมีส่วนร่วมในการตัดสินคดีสำคัญอื่นๆ อีกมากมาย เช่น McCulloch v. Maryland ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลกลางมีอำนาจที่จะก่อตั้งธนาคารแห่งชาติ และ Gibbons v. Ogden ซึ่งกำหนดอำนาจของรัฐบาลกลางในการควบคุมการค้าระหว่างรัฐ

มรดกของ The Great Compromise

The Great Compromise เป็นตัวอย่างของความสามารถของผู้นำสหรัฐฯ ในการหาทางออกจากความขัดแย้งที่รุนแรง ข้อตกลงนี้ทำให้เกิดระบบรัฐบาลแบบสหพันธรัฐซึ่งช่วยให้ประเทศสามารถรักษาความสามัคคีและเจริญเติบโตได้ในช่วงหลายศตวรรษ

มาร์ชาลล์ ผู้พิพากษาผู้มีวิชั่น และความรอบรู้ ถือเป็นบุคคลสำคัญในการสร้างรากฐานของระบบกฎหมายในสหรัฐอเมริกา การตัดสินของเขาในคดีต่างๆ ช่วยให้ศาลฎีกาสูงสุดกลายเป็นสถาบันที่ทรงอิทธิพลที่สุดในระบบรัฐบาล

The Great Compromise และความมุ่งมั่นของบุคคลสำคัญเช่น มาร์ชาลล์ ทำให้สหรัฐอเมริกาสามารถก้าวไปข้างหน้าและกลายเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

Latest Posts
TAGS